วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมทำแล้วผ่อนคลาย สบายใจ

วาดภาพ
     ไม่ต้องกังวล ถ้าฝีมือทางศิลปะของเราไม่เข้าขั้น เพราะการวาดรูปครั้งนี้ไม่มีการให้คะแนนท้ายชั่วโมง หนุ่มสามารถวาดรูปได้ตามใจ ไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ อาจจจะเป็นรูปเหมือน แมวตัวหนึ่งกำลังนอน พ่อกำลังจูงลูกตัวเล็กเดินเล่น กระถางต้นไม้ที่มีดอกไม้กำลังเบ่งบาน แน่นอนไม่ต้องออกมาสวบงาม แค่ตัวเรารู้ว่ามันเป็นอะไร นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ความเครียดอาจเกิดจาก การใช้สมองซีกซ้ายสร้างมันขึ้นมา ดังนั้นลองใช้สมองซีกขวาให้ความรู้สึกผ่อนคลายดู
เขียนระบายความในใจ
     ปัญหาบางอย่างยากมากที่จะพูดกับใคร หรือบางทีก็ยากที่จะเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูด การเขียนใส่ลงในกระดาษเพื่อระบาย เป็นวิธีช่วยทำให้สบายใจขึ้น อีกครั้งที่ไม่ต้องมีถ้อยคำที่สวยหรู หรือเป็นประโยคที่ดีเลิศ หรือบางทีก็ไม่ต้องสะกดให้ถูกไวยกรณ์ด้วยซ้ำ เมื่อเขียนอย่างพอใจ ให้ทิ้งมันไว้สัก 2-3 วัน หรือ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ แล้วกลับมาอ่านมันอีกครั้ง คุณอาจอยากลองควบคุมอารมณ์ในครั้งต่อๆ ไปก็ได้
หายใจ (หอมระเหย)
     การหายใจคือสิ่งที่ทำประจำ แต่ครั้งนี้เราจะใส่ใจกับการหายใจมากกว่าทุกครั้ง ให้หนุ่มๆ หายใจเข้าลึกๆ จนท้องพอง (ถ้าหายใจแล้วท้องฟีบลงแปลว่าผิดนะ) หลังจากนั้นให้กลั้นหายใจ วิธีนี้ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะสามารถดูดซึมออกซิเจนได้ดีขึ้น หนุ่มๆ ต้องเลือกสถานที่ที่จะสูดอากาศด้วยนะ ถ้าไปยืนริมถนนนี่แย่เลย การสูดกลิ่นน้ำมันหอมระเหยอย่างกลิ่น กุหลาบ, ลาเวนเดอร์, ส้ม, เลมอน ช่วยให้อารมณ์เราผ่อนคลายง่ายขึ้น
ฟังเพลง อีซี่ ลิสซินนิ่ง
     การใช้ดนตรีในการบำบัดเป็นที่ยอมรับกันมานาน ถึงขนาดใช้กับสัตว์ก็ยังได้ผล เช่น เปิดเพลงให้ไก่ฟัง ไก่ยังออกไข่สม่ำเสมอและคุณภาพดีด้วย แต่พี่มิ้งคงไม่ได้หวังให้หนุ่มๆ ออกไข่คุณภาพดี แค่แนะนำให้ฟังเพลงฟังสบายแนว easy listening เช่น ดนตรีอะคูสติก ดนตรีบรรเลง ดนตรีที่เล่นด้วยอูคูเลเล่ เพราะเพลงเหล่านี้จะเป็นตัวทำปฏิกกิริยาต่ออารมณ์หนุ่มๆ ให้ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
 ลาหยุดไปพัก
     การตกตะกอนทางอารมณ์ อาจมาจากสัญญาณทางร่างกาย เช่น หนุ่มๆ เครียดเกินไปแล้ว หนุ่มๆ พักผ่อนน้อยเกินไปแล้ว หรือหนุ่มๆ เรียนหรือทำงานมากเกินไปแล้ว ดังนั้นการลาหยุด 1 วัน เป็นอะไรที่สมควรทำ เราจะรู้สึกได้ตั้งแต่การไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า การปล่อยตัวตามสบายไม่ต้องแข่งกับเวลา การใช้เวลาของวันไปอย่างช้าๆ กับการวาดรูป อ่านหนังสือ หลับสักงีบ หรือออกไปสถานที่ต่างๆ นั่งมองสภาพแวดล้อมและปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อยก็น่าสนใจ พอหมดวันเราจะรู้สึกถึงความสบายใจที่กลับมาเลย
เดินชมสวน
     คนเมืองเมื่อเจอกับป่าคอนกรีตเป็นประจำ จึงอยากให้ไปเจอกับธรรมชาติบ้าง ที่พอจะหาได้ในเมืองก็คือ สวนสาธารณะ มนุษย์เรามาจากธรรมชาติ ทุกครั้งที่เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกประหลาด ทั้งเป็นกันเอง ผ่อนคลายและสงบร่มเย็น เป็นการกลับไปขอพลังจากธรรมชาติเพื่อชาร์จพลังกลับคืนมา
จิบชายามบ่าย
     ยามบ่ายเป็นช่วงเวลาที่พลังงานกำลังอ่อนแรง การเบรคสักช่วงจะช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายได้ เริ่มที่ชงชาถ้วยเล็กๆ 1 ถ้วย แถมด้วยเค้กชิ้นเล็กๆ อีกชิ้น ค่อยๆ ชิมรสชาติสองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ ปล่อยความคิดให้โล่ง แค่เพียงเวลา 15-20 นาที ก็เรียกความรู้สึกสบายมาได้มากโข
อ่านคำคม
     คุณลองเดินเข้าร้านหนังสือ หาหนังสือรวบรวมคำคม หรือสุภาษิตสอนใจ เพราะการอ่านประโยคเหล่านี้ ทำให้สมองหนุ่มๆ ได้คิดหาความหมายและคิดตามไปถึงความเป็นจริง จนกระทั่งนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของตัวเองที่ผ่านมาเลย ที่สำคัญการคิดแบบนี้ส่วนใหญ่ เป็นการคิดในด้านดี วิธีนี้น่าสนใจไม่เบาครับ
หลับสักงีบ
     เวลาพักกลางวันอาจงดการเตะฟุตบอล แต่รีบขึ้นมาบนห้องเพื่อมีเวลางีบสัก 20-30 นาที ก่อนจะเรียนคาบบ่าย แต่ถ้าวันที่อยู่บ้าน ก็ใช้เวลาในช่วงบ่ายนอนหลับสักงีบใหญ่ๆ จะทำให้ร่างกายสดชื่น พร้อมจะสู้ต่อไปแล้ว
 ทำอาหาร
     อีกครั้งที่หนุ่มๆ ไม่ต้องกังวลในเรื่องทักษะ เพราะมันอาจจะเป็นแค่เมนูประหลาด ที่ทำเองได้ง่ายๆ อย่างไข่เจียวใส่เห็ดสับราดซอสมะเขือเทศ หรือข้าวผัดทูน่า(กระป๋อง) แล้วอย่าลืมตั้งชื่อให้มันสุดยอดด้วยนะ ข้าวผัดDHAปลาทะเลน้ำลึก ส่วนเรื่องรสชาติก็ต้องวัดดวงกันแล้วล่ะ การทำอาหารกินเองทำให้หนุ่มๆ สนุก ภูมิใจและมีความสุขกับอะไรง่ายๆ ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น